วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554


Physics in our life




                         รู้หรือไม่ไดร์เป่าผมเปลี่ยนรููปพลังงานอย่างไร ?

การเปลี่ยนรูปพลังงาน
จากพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน
จากพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล



ไดว์เป่าผม หรือhair dryer เกี่ยวกับฟิสิกส์คือมีไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนคือทำให้เกิดความร้อน
พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นพลังงานกลคือทำให้มอเตอร์หมุน
ใบพัดที่ติดกับแกนมอเตอร์หมุนด้วย ทำให้มีลมพัดออกข้างนอก ขณะที่ลมพัดได้พาความร้อนจากขดลวดความร้อนออกมาด้วย ทำให้เป็นลมร้อน เมื่อลมร้อนไปสัมผัสผมที่เปียก จะทำให้น้ำระเหยได้เร็วกว่าปกติผมเราจึงแห้ง


สามารถอธิบายกฎของพลังงานต่างๆ ได้ดังนี้

พลังงานไฟฟ้า (Electrical Energy)

                          
                           http://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/82750.jpg 

              พลังงานที่ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นได้ และกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนี้จะไหลผ่านความต้านทานไฟฟ้าได้ถ้าต่อให้เป็นวงจร ผลจากกระแสไฟฟ้าดังกล่าวอาจทำให้เกิดผลต่าง ๆ เช่นก่อให้เกิดอำนาจแม่เหล็ก เกิดความร้อนหรือแสงสว่าง พลังงานที่เกิดจากการผ่านขดลวดไปในสนามแม่เหล็ก, พลังงานที่ใช้ขับเครื่องคอมพิวเตอร์, พลังงานที่ได้จากเซลล์แสงอาทิตย์ เป็นต้น


                       มีสูตร คือ
                                             P = W/t หน่วย จูล (J)
                                            W = kw x h หน่วย ยูนิต (unit)



พลังงานความร้อน (Thermal Energy)


                   http://www.eve.co.th/img/Difference-between-radiant-.aspx

              แหล่งกำเนิดพลังงานความร้อน  เช่น จากดวงอาทิตย์, พลังงานในของเหลวร้อนใต้พื้นพิภพ , การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง, พลังงานไฟฟ้า, พลังงานนิวเคลียร์, พลังงานน้ำในหม้อต้มน้ำ, พลังงานเปลวไฟ ผลของความร้อนทำให้สารเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น อุณหภูมิสูงขึ้น หรือมีการเปลี่ยนสถานะไป และนอกจากนี้แล้ว พลังงานความร้อน ยังสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้อีกด้วย หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อน คือ แคลอรี่ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า แคลอรี่มิเตอร์
                                          มี 2 สูตร คือ

                                                  Q = mcΔT กับ Q = mL
                                เมื่อ
                                    Q = พลังงานความร้อน (J)
                                    m = มวลวัตถุ (kg)
                                    c = ความจุความร้อนจำเพาะของสาร (J/kg • K, J/kg • ̊̊C)
                                   ΔT = อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป (K, ̊C)
                                    L = ความร้อนแฝงจำเพาะ
                โดยสูตร Q=mcΔT จะใช้เมื่ออุณหภมิเปลี่ยน แต่สถานะไม่เปลี่ยน
                 และสูตร Q=mL จะใช้เมื่อสถานะเปลี่ยน แต่อุณหภมิไม่เปลี่ยน


พลังงานกล (Mechanical Energy)


                                   
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjMrSQ-jIhotMfzu7PklGH4tDjXCQK_8KyOz3-jqGUanLRx4WTvjN80cHZuK7cfpQhWBkKdXrZW5G3IULp9j-OgBFpfOBGfxoPQuAZCtvBswWEZWlUDmbRrlbFoF_AXETzVvnr5EaGFzQ/ 


         พลังงานกลเป็นพลังงานที่เกี่ยวข้องกับวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่หรือพร้อมที่จะเคลื่อนที่ แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ พลังงานศักย์และพลังงานจลน์
1. พลังงานศักย์ (potential energy : Ep ) คือ พลังงานที่สะสมอยู่ในตัววัตถุหรือสสารที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ยังไม่เกิดการเคลื่อนที่ ถ้าวัตถุอยู่บนพื้นที่สูงจากระดับพื้นดินขึ้นไป พลังงานที่สะสมอยู่ในตัวของวัตถุนี้จะเกิดจากแรงดึงดูดของโลกจึงเรียกว่า "พลังงานศักย์โน้มถ่วง"
การคำนวณพลังงานศักย์โน้มถ่วงใช้สูตรดังนี้

                                                                 Ep = mgh

2. พลังงานจลน์ ( kinetic energy : Ek ) คือ พลังงานที่มีอยู่ในวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่การคำนวณพลังงานจลน์ใช้สูตรดัง

                                                               Ek = 1/2mv2




แหล่งอ้างอิง
http://iam.hunsa.com/phuttawat/article/26760
http://iam.hunsa.com/phuttawat/article/26760
http://elearning.nectec.or.th/index.php?mod=Courses&op=showcontent&cid=58&qid=&lid=441&sid=&page
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=31c4dce8f6847647

2 ความคิดเห็น: